ปัญหาในการจัดการเรียนการสอน
- นักเรียนขาดทักษะกระบวนการ(
ขาดการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ) ไม่สามารถบูรณาการเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาสาระ อื่น ๆได้ ตัวจักรสำคัญที่จะให้นักเรียนเกิดทักษะดังกล่าว
คือ ครูแน่นอน... แต่ตัวครูใช่ว่าจะไม่มีปัญหา
ทั้งปัญหาส่วนตัว และ ปัญหาของระบบโรงเรียน ครูอาจขาดทักษะเอง ( เพราะเรียนมานานมากแล้ว ประเภทแก่ความรู้...ไม่เข้าเคสนี้ ) บางที่ครู และ
นักเรียนอาจเรียนรู้ ไปพร้อม ๆกัน อย่าลืมอย่างหนึ่งว่า...
ยังมีอีกหลายมุมที่นักเรียนรู้ แต่..ครูไม่รู้...
และเป็นอีกครั้งที่เราต้องเรียนรู้จากนักเรียนของเรา
- ปัญหาความไม่ต่อเนื่องของการเรียนการสอน
-ปัญหาครอบครัวของเด็กแต่ละคน ที่บางครอบครัวไม่ค่อยให้ความสำคัญของการศึกษา ผู้ปกครองไม่เคยกวดขันการทำการบ้านของบุตรหลาน ไม่เคยสนใจไต่ถามเกี่ยวกับการเรียน... ( อย่าคิดว่า..มีแบบนี้ด้วยหรือ ) เด็กเลยขาดความรับผิดชอบงานที่ครูกำหนดให้...
- ปัญหามีมากมายหลายอย่าง..ครูแต่ละคนประสบพบเจออาจจะเหมือนกัน หรือ ไม่เหมือนกัน... ถ้าเราตั้งใจจะแก้ปัญหาเกี่ยวกับการเรียนการสอนจริง ๆ ... ต้องดูที่ต้นตอของปัญหา...และหาวิธีการ หรือ เทคนิคต่าง ๆมาแก้... จะทำให้ปัญหาที่มีอยู่เบาบาง ลดน้อยลง ... วิธีที่ครูเราทำมานานมาก..และนิยมกันมาก คือ การทำวิจัยปัญหาต่าง ๆ นาๆ ... และจริงหรือเปล่า ที่การวิจัยนั้นสามารถแก้ปัญหาได้จริง ๆ หรือ ตรงจุด... แต่อย่างน้อย...ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
- ปัญหาความไม่ต่อเนื่องของการเรียนการสอน
-ปัญหาครอบครัวของเด็กแต่ละคน ที่บางครอบครัวไม่ค่อยให้ความสำคัญของการศึกษา ผู้ปกครองไม่เคยกวดขันการทำการบ้านของบุตรหลาน ไม่เคยสนใจไต่ถามเกี่ยวกับการเรียน... ( อย่าคิดว่า..มีแบบนี้ด้วยหรือ ) เด็กเลยขาดความรับผิดชอบงานที่ครูกำหนดให้...
- ปัญหามีมากมายหลายอย่าง..ครูแต่ละคนประสบพบเจออาจจะเหมือนกัน หรือ ไม่เหมือนกัน... ถ้าเราตั้งใจจะแก้ปัญหาเกี่ยวกับการเรียนการสอนจริง ๆ ... ต้องดูที่ต้นตอของปัญหา...และหาวิธีการ หรือ เทคนิคต่าง ๆมาแก้... จะทำให้ปัญหาที่มีอยู่เบาบาง ลดน้อยลง ... วิธีที่ครูเราทำมานานมาก..และนิยมกันมาก คือ การทำวิจัยปัญหาต่าง ๆ นาๆ ... และจริงหรือเปล่า ที่การวิจัยนั้นสามารถแก้ปัญหาได้จริง ๆ หรือ ตรงจุด... แต่อย่างน้อย...ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
ลักษณะของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ที่ดี
นักการศึกษาหลายท่านได้กล่าวถึงลักษณะของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ที่ดี
(สิริพร ทิพย์คง. 2545 : 195 ; พิชิต ฤทธิ์จรูญ. 2545 : 135 – 161)
1. ความเที่ยงตรง เป็นแบบทดสอบที่สามารถนำไปวัดในสิ่งที่เราต้องการวัดได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ตรงตามจุดประสงค์ที่ต้องการวัด
2. ความเชื่อมั่น แบบทดสอบที่มีความเชื่อมั่น คือ สามารถวัดได้คงที่ไม่ว่าจะวัดกี่ครั้งก็ตาม เช่น ถ้านำแบบทดสอบไปวัดกับนักเรียนคนเดิมคะแนนจากการสอบทั้งสองครั้งควรมีความ สัมพันธ์กันดี เมื่อสอบได้คะแนนสูงในครั้งแรกก็ควรได้คะแนนสูงในการสอบครั้งที่สอง
3. ความเป็นปรนัย เป็นแบบทดสอบที่มีคำถามชัดเจน เฉพาะเจาะจง ความถูกต้องตามหลักวิชา และเข้าใจตรงกัน เมื่อนักเรียนอ่านคำถามจะเข้าใจตรงกัน ข้อคำถามต้องชัดเจนอ่านแล้วเข้าใจตรงกัน
4. การถามลึก หมายถึง ไม่ถามเพียงพฤติกรรมขั้นความรู้ความจำ โดยถามตามตำราหรือถามตามที่ครูสอน แต่พยายามถามพฤติกรรมขั้นสูงกว่าขั้นความรู้ความจำได้แก่ ความเข้าใจการนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์และการประเมินค่า
5. ความยากง่ายพอเหมาะ หมายถึง ข้อสอบที่บอกให้ทราบว่าข้อสอบข้อนั้นมีคนตอบถูกมากหรือตอบถูกน้อย ถ้ามีคนตอบถูกมากข้อสอบข้อนั้นก็ง่ายและถ้ามีคนตอบถูกน้อยข้อสอบข้อนั้นก็ ยาก ข้อสอบที่ยากเกินความสามารถของนักเรียนจะตอบได้นั้นก็ไม่มีความหมาย เพราะไม่สามารถจำแนกนักเรียนได้ว่าใครเก่งใครอ่อน ในทางตรงกันข้ามถ้าข้อสอบง่ายเกินไปนักเรียนตอบได้หมด ก็ไม่สามารถจำแนกได้เช่นกัน ฉะนั้นข้อสอบที่ดีควรมีความยากง่ายพอเหมาะ ไม่ยากเกินไปไม่ง่ายเกินไป
6. อำนาจจำแนก หมายถึง แบบทดสอบนี้สามารถแยกนักเรียนได้ว่าใครเก่งใครอ่อนโดยสามารถจำแนกนักเรียน ออกเป็นประเภทๆ ได้ทุกระดับอย่างละเอียดตั่งแต่อ่อนสุดจนถึงเก่งสุด
7. ความยุติธรรม คำถามของแบบทดสอบต้องไม่มีช่องทางชี้แนะให้นักเรียนที่ฉลาดใช้ไหวพริบในการ เดาได้ถูกต้องและไม่เปิดโอกาสให้นักเรียนที่เกียจคร้านซึ่งดูตำราอย่าง คร่าวๆตอบได้ และต้องเป็นแบบทดสอบที่ไม่ลำเอียงต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
สรุปได้ว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ที่ดี ต้องเป็นแบบทดสอบที่มีความเที่ยงตรงความเชื่อมั่น ความเป็นปรนัย ถามลึก มีความยากง่ายพอเหมาะ มีค่าอำนาจจำแนก และมีความยุติธรรม
อ้างอิงจาก
พิชิต ฤทธิ์จรูญ. (2545). การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ : ปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียน.
(พิมพ์ครั้งที่ 3 ). กรุงเทพฯ : ครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร.
สิริพร ทิพย์คง. (2545). หลักสูตรและการสอนคณิตศาสตร์. กรุงเทพฯ : พัฒนาคุณภาพ
วิชาการ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น